วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิชาพื้นฐานอิเล็กทรนิกส์

ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ “ หมายความว่า ธุรกรรมที่กระทำขึ้นโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน”

“ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์” ที่เป็นชื่อของ พรบ. นี้ หมายถึง การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายโดยอาศัยอิเล็กทรอนิกส์อย่าง โทรศัพท์ แฟกซ์ อีเมล์ ฯลฯ เป็นสื่อ แต่จะขอเน้นว่าไม่ต้องเป็นการกระทำตลอดทั้งกระบวนการก็ได้เพียงแต่ให้มีส่วนหนึ่งส่วนในของขั้นตอนการค้าขายหรือการติดต่อที่ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็เพียงพอ ตัวอย่างเช่นถ้าเราใช้อีเมล์ในขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้าเพียงขั้นตอนเดียว แต่ขั้นตอนอื่น ๆ เช่น การออกใบเสร็จ การส่งของ การจัดสต็อก ฯลฯ ไม่ได้ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็คือว่ากระบวนการทั้งหมดนั้นเป็น ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ดังนั้น การสั่งซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตนั้นก็จะถือว่าเป็นธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งต่อไปนี้จะสามารถฟ้องร้องกันทางกฎหมายได้

"ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transaction)" หมายถึง ธุรกรรมที่ใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน

ลักษณะของธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
1. ผู้ประกอบธุรกรรมไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กันล่วงหน้าหรืออยู่ในที่เดียวกัน สามารถอยู่ที่ใดก็ได้บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์

2. การแก้ไขข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปได้โดยง่าย

3. การลอบดูข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปได้โดยง่าย

ตัวอย่าง การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
1. การซื้อ-ขายสินค้าผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

2. การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce - E-Commerce)

3. การสมัครสมาชิกผ่านระบบออนไลน์

4. การตกลงทำสัญญาซื้อ-ขาย หรือสัญญาตกลงตามข้อบังคับต่างๆ บนเครือข่าย

5. การโอนเงินด้วยระบบอัตโนมัติผ่านระบบเครือข่าย

6. การสื่อสาร ส่ง-รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเครือข่ายการสื่อสาร

7. การสอบถามข้อมูลผ่านระบบออนไลน์

8. การส่ง-รับ แลกเปลี่ยนข้อมูลและยืนยันเอกสารทางศุลกากรด้วยระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange - EDI)

กรอบสำคัญของกฎหมาย
การรองรับสถานะทางกฎหมายของ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้มีฐานะ เท่าเทียมกัน (Functional equivalent approach) กับ กระดาษที่ใช้อยู่ในระบบเดิม (Traditional equivalent approach)

เราเลือกการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยเหตุผล
1. เพื่อการได้เปรียบการแข่งขัน

2. การลดค่าใช้จ่าย

3. รวดเร็ว

4. ดำเนินการได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่




อีคอมเมิร์ส หรือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) หมายถึง การดำเนินธุรกิจทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านคอมพิวเตอร์ และระบบสื่อสารโทรคมนาคมหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ข้อดีของการทำอีคอมเมิร์สมีมากมาย เช่น

- ลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวมทั้งค่าเช่าพื้นที่ขายหรือการลงทุนในการสร้างร้าน ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนของธุรกิจต่ำลง
- ประหยัดเวลาและขั้นตอนทางการตลาด
- เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง และให้บริการได้ทั่วโลก
- มีช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- สามารถทำกำไรได้มากกว่าระบบการขายแบบเดิม เนื่องจากต้นทุนการผลิตและการจำหน่ายต่ำกว่า ทำให้ได้กำไรจากการขายต่อหน่วยเพิ่มขึ้น
- สามารถนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าได้เป็นจำนวนมาก และสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ในลักษณะ Interactive Market
- ปรับปรุงหรือ Update ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการได้ตลอดเวลา
- สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ซื้อหรือลูกค้า อาทิ ชื่อ ที่อยู่ พฤติกรรม การบริโภค สินค้าที่ต้องการ เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการทำวิจัยและวางแผนการตลาด เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของตลาดมากขึ้น
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจหรือองค์กร ในเรื่องของความทันสมัยและเป็นโอกาสที่จะทำให้สินค้าหรือบริการเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
- สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้เร็วและเสียเวลาน้อย

ระบบทำงานออนไลน์ในฝันที่หลายคนกำลังมองหา นวัตกรรมทางการค้าในระบบออนไลน์รูปแบบใหม่ที่ผสมผสานแนวคิดของธุรกิจยอดนิยมแห่งยุคโลกาภิวัฒน์ "ธุรกิจเครือข่าย แฟรนไชส์
อีคอมเมิร์ส" โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ เพื่อให้การสร้างเครือข่ายไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ไม่ต้องเดินไปขายสินค้าหากท่านไม่ชอบขาย ไม่ต้องไปชวนคนให้มาเป็นสมาชิกและทำธุรกิจในรูปแบบเดิม ๆ อีกต่อไป แต่เป็นการใช้อินเตอร์เน็ต สื่อที่ทรงพลังที่สุดแห่งยุคโลกาภิวัฒน์ช่วยเชื่อมโยงทุกๆคนเข้าด้วยกัน ก่อให้เกิดเครือข่ายผู้ซื้อ ผู้บริโภค ขยายเครือข่ายต่อไปให้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และสร้างรายได้ที่มั่นคงสำหรับผู้ที่สร้างเครือข่ายได้สำเร็จ โดยไม่มีความเสี่ยงใด ๆ สมาชิกทุก ๆ คนมีโอกาสสร้างรายได้อย่างไม่จำกัดด้วยการสมัครสมาชิกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แบบฝึกหัดที่ 1

คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้ใหได้ใจความสมบูรณ์
1. ลีนุกซ์คืออะไร
ลีนุกซ์ (Linux) เป็นชื่อระบบปฏิบัติการประเภทหนึ่ง (Operating System) หรือ OS คือเป็นโปรแกรมประเภท Open Source มีหน้าที่ในการช่วยให้โปรแกรมอื่น ๆ สามารถทำงานได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยระบบปฏิบัติการจะเป็นตัวกลางระหว่างฮาร์ดแวร์กับโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์

2. ความเป็นมาของลีนุกซ์เป็นอย่างไร
ผู้พัฒนาลีนุกซ์คนแรก นายไลนัส ทอร์วัลด์ บางตำราอ่าน ลีนุส โทรวัลด์ส (Mr.Linus Torvalds) นักศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) แห่งมหาวิทยาลัยเฮลชิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ศึกษาระบบปฏิบัติการที่ชื่อ มินิกซ์ (Minix) เป็นระบบยูนิกซ์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ไลนัสเห็นว่ามินิกช์ยังใช้งานได้ไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่โดยใช้ยูนิกช์เป็นต้นแบบภายใต้ชื่อว่า ลีนุกซ์ โดยไลนัสเลือกใช้ นกเพนกวิน ชื่อ “Tux” เป็นสัญลักษณ์นำโชคของระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ สามารถอ่านเหตุผลที่ไลนัสเลือกใช้นกเพนกวินได้ที่
เว็บไซต์ภาษาอังกฤษhttp://www.linux.org/infopenguin.html เว็บไซต์ภาษาไทยhttp://th.wikipedia.org/wiki และ http://nootjaree.blogspot.com/

3. ประโยชน์ของลีนุกซ์มีอะไรบ้าง
ปัจจุบันลีนุกซ์ได้รับความนิยมและนำไปใช้งานเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประสิทธิภาพการทำงาน ประโยชน์มีมากมาย ซึ่งสามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้
3.1 ยูนิกซ์เป็นต้นแบบของลีนุกซ์
ยูนิกซ์เป็นระบบปฏิบัติการเดิมที่มีประสิทธิภาพการทำงานมานาน ลีนุกซ์ถอดแบบมาจากยูนิกซ์ ดังนั้นคุณสมบัติของยูนิกซ์ทั้งเรื่องระบบความปลอดภัย ความสามารถในการทำงานพร้อมกันหลายงาน (MultiTasking) ใช้งานได้พร้อมกันหลายคน (MultiUser) ประสิทธิภาพในการใช้งานเป็นเซิร์ฟเวอร์ รวมทั้งคุณสมบัติอื่น ๆ มีมากมาย จึงเป็นการถ่ายทอดมาที่ลีนุกซ์
3.2 ลีนุกซ์ใช้งานฟรี
ลีนุกซ์และโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานบนลีนุกซ์จะอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ที่เรียกว่า GNU Public License (GPL) ซึ่งหมายความว่า สามารถนำลีนุกซ์มาใช้งานได้ฟรี โดยใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ปรับปรุงแก้ไขได้ตามต้องการ โดยซอร์สโค้ดที่ได้ทำการแก้ไขจะต้องเผยแพร่ให้ผู้อื่นใช้ได้ฟรีเหมือนต้นแบบ
3.3 ความปลอดภัยในการทำงาน
ลีนุกซ์เป็นระบบที่มีความปลอดภัยในการใช้งานสูง ก่อนที่จะเข้าใช้งานทุกครั้งจะมีการตรวจสอบโดยผู้ใช้ต้องทำการป้อนชื่อและรหัสผ่าน เพื่อแสดงสิทธิในการใช้งาน หรือที่เรียกว่า Log in ให้ถูกต้องจึงจะเข้าใช้งานลีนุกซ์ได้
3.4 มีความเสถียรภาพในการทำงาน
ลีนุกซ์มีเสถียรภาพในการทำงานสูง ไม่ค่อยพบปัญหาระบบล่ม ความพิเศษของลีนุกซ์อยู่ที่การตรวจสอบความสัมพันธ์ของโปรแกรมในการทำงาน เช่น ถ้าติดตั้งโปรแกรมใช้งาน ลีนุกซ์จะทำการตรวจสอบว่าโปรแกรมที่ติดตั้งลงไป มีการเรียกใช้งานโปรแกรมอื่นทำงานร่วมด้วยหรือไม่ ถ้าต้องใช้ลีนุกซ์จะให้เลือกติดตั้งโปรแกรมนั้นลงไปด้วย หรือถ้าลบโปรแกรมออกจากระบบ ก็ไม่ต้องบู๊ตเครื่องใหม่
3.5 ใช้เครื่องคอพิวเตอร์สเปคต่ำ
ระบบปฏิบัติการในปัจจุบันส่วนใหญ่ออกมาเพื่อรองรับประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สเปคต้องสูงพอสมควร จึงจะสามารถใช้งานได้ ทำให้ต้องมีการอัพเกรดเครื่องตลอดเวลา แต่ลีนุกซ์ใช้เครื่องที่มีสเปคต่ำ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเครื่องตาม ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
3.6 ลีนุกซ์กับระบบเครือข่าย
จุดเด่นของลีนุกซ์ การใช้งานระบบเครือข่ายสามารถใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์ (Server) ในระบบเครือข่ายร่วมกับเครื่องไคลเอนท์ (Client) ซึ่งติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้ นอกจากนี้ลีนุกซ์ยังสนับสนุนโปรโตคอลในการทำงานกับระบบเครือข่ายมากมาย เช่น TCP/IP , DNS, FTP

4. โครงสร้างของลีนุกซ์มีอะไรบ้าง
ลีนุกซ์ที่ไลนัสและนักพัฒนาร่วมกันพัฒนา เป็นเพียงแค่ส่วนที่เรียกว่า เคอร์เนล (Kernel) หรือ
แกนการทำงานหลักของระบบ แต่เคอร์เนลไม่สามารถทำงานตามลำพังได้ต้องทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่น ๆ ดังรูป
4.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
คือ อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ประกอบด้วยจอภาพ คีย์บอร์ด ซีพียู แรม ฮาร์ดดิสก์ และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ
4.2 เคอร์เนล (Kernel)
เป็นส่วนที่สำคัญของระบบ เรียกว่า เป็นแกนหรือหัวใจของระบบก็ว่าได้ เคอร์เนลจะมีหน้าที่ควบคุมการทำงานทั้งหมดของระบบ ตั้งแต่การจัดสรรทรัพยากรของระบบบริหารโพรเซสงาน
(Process) การจัดการไฟล์และอุปกรณ์อินพุต เอาต์พุต บริหารหน่วยความจำ โดยเคอร์เนลจะควบคุมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ของเครื่องทั้งหมด ดังนั้นเคอร์เนลจึงขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์ ถ้าฮาร์ดแวร์เปลี่ยนไปเคอร์เนลก็จะเปลี่ยนไปด้วย
4.3 เซลล์ (Shell)
เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ติดต่อระหว่างผู้ใช้กับเคอร์เนล โดยรับคำสั่งจากผู้ใช้ทางอุปกรณ์อินพุต อย่างเช่น คีย์บอร์ด แล้วทำการแปลให้เป็นภาษาที่เครื่องเข้าใจ นอกจากนี้เซลล์ยังทำหน้าที่ในการควบคุมและกำหนดทิศทางของอินพุตและเอาต์พุตได้ด้วยว่าจะให้เข้าหรือออกมาทางใด เช่น อาจจะกำหนดให้เอาต์พุตออกมาทางหน้าจอหรืจะเก็บลงไฟล์ก็ได้
ลีนุกซ์ เคอร์เนล
เชลล์
โปรแกรมประยุกต์
ฮาร์ดแวร์
4.4 โปรแกรมประยุกต์ (Application)
คือ โปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในงานต่าง ๆ บนลีนุกซ์ เช่น ปลาดาวออฟฟิศ (Pladao Office) , Gimp โปรแกรมแต่งภาพบนลีนุกซ์ คล้ายกับโปรแกรม Photoshop) XMMS โปรแกรมฟังเพลงบนลีนุกซ์คล้ายกับ Winamp และมีโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ สำหรับใช้งานบนลีนุกซ์มากมาย
4.5 ระบบวินโดวส์บนลีนุกซ์
โครงสร้างของลีนุกซ์ทำให้รู้ว่าการใช้งานลีนุกซ์ต้องสั่งงานผ่านเซลล์ โดยการพิมพ์คำสั่ง
ซึ่งผู้ใช้ต้องรู้จักคำสั่งที่จะใช้เป็นอย่างดี หากเปรียบเทียบกับระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ก็จะเหมือนกับ MS-DOS

5. เคอร์เนล (Kernel) คืออะไร
เป็นส่วนที่สำคัญของระบบ เรียกว่า เป็นแกนหรือหัวใจของระบบก็ว่าได้ เคอร์เนลจะมีหน้าที่ควบคุมการทำงานทั้งหมดของระบบ ตั้งแต่การจัดสรรทรัพยากรของระบบบริหารโพรเซสงาน
(Process) การจัดการไฟล์และอุปกรณ์อินพุต เอาต์พุต บริหารหน่วยความจำ โดยเคอร์เนลจะควบคุมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ของเครื่องทั้งหมด ดังนั้นเคอร์เนลจึงขึ้นอยู่กับฮาร์ดแวร์ ถ้าฮาร์ดแวร์เปลี่ยนไปเคอร์เนลก็จะเปลี่ยนไปด้วย

6. เซลล์ (Shell) คืออะไร
เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ติดต่อระหว่างผู้ใช้กับเคอร์เนล โดยรับคำสั่งจากผู้ใช้ทางอุปกรณ์อินพุต อย่างเช่น คีย์บอร์ด แล้วทำการแปลให้เป็นภาษาที่เครื่องเข้าใจ นอกจากนี้เซลล์ยังทำหน้าที่ในการควบคุมและกำหนดทิศทางของอินพุตและเอาต์พุตได้ด้วยว่าจะให้เข้าหรือออกมาทางใด เช่น อาจจะกำหนดให้เอาต์พุตออกมาทางหน้าจอหรืจะเก็บลงไฟล์ก็ได้

7. ระบบวินโดวส์ (Window) บนลีนุกซ์มีอะไรบ้าง (ค้นหาเพิ่มเติมให้มากที่สุด)
โครงสร้างของลีนุกซ์ทำให้รู้ว่าการใช้งานลีนุกซ์ต้องสั่งงานผ่านเซลล์ โดยการพิมพ์คำสั่ง
ซึ่งผู้ใช้ต้องรู้จักคำสั่งที่จะใช้เป็นอย่างดี หากเปรียบเทียบกับระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ก็จะเหมือนกับ MS-DOS
นอกจากการสั่งงานผ่านเซลล์แล้ว ลีนุกซ์มีระบบวินโดวส์ที่เรียกว่า X Window
ทำหน้าที่ในการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับเคอร์เนล (ทำหน้าที่เหมือนกับเชลล์) แต่จะอยู่ในรูปแบบของวินโดวส์ ประกอบด้วยหน้าต่างการทำงานของโปรแกรม ปุ่ม ไอคอน และเมนู สั่งงานด้วยเมาส์คลิก ทำให้การทำงานสะดวกและง่ายขึ้น
ระบบ X Window บนลีนุกซ์ มีความพิเศษกว่า Microsoft Windows ตรงที่มีรูปแบบของวินโดวส์ให้เลือกใช้หลายแบบ เช่น GNOME หรือ KDE โดยแต่ละรูปแบบอาจจะแตกต่างกันในส่วนของเมนูการทำงาน รูปแบบของหน้าจอ หน้าต่างของโปรแกรม รูปแบบของปุ่ม หรือไอคอนต่าง ๆ ซึ่งไม่เหมือนกับ Microsoft Windows ที่มีหน้าตาอยู่เพียงแบบเดียว ตัวอย่างโปรแกรมลีนุกซ์แต่ละแบบ
เช่น ลีนุกซ์ทะเล ลีนุกซ์อูบุนตู ลีนุกซ์ Redhat ลีนุกซ์ Cent OS และอื่น ๆ

8. ระบบ X Window คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร
ระบบ X Window บนลีนุกซ์ มีความพิเศษกว่า Microsoft Windows ตรงที่มีรูปแบบของวินโดวส์ให้เลือกใช้หลายแบบ เช่น GNOME หรือ KDE โดยแต่ละรูปแบบอาจจะแตกต่างกันในส่วนของเมนูการทำงาน รูปแบบของหน้าจอ หน้าต่างของโปรแกรม รูปแบบของปุ่ม หรือไอคอนต่าง ๆ ซึ่งไม่เหมือนกับ Microsoft Windows ที่มีหน้าตาอยู่เพียงแบบเดียว ตัวอย่างโปรแกรมลีนุกซ์แต่ละแบบ
เช่น ลีนุกซ์ทะเล ลีนุกซ์อูบุนตู ลีนุกซ์ Redhat ลีนุกซ์ Cent OS และอื่น ๆ

9. ขั้นตอนการเตรียมความพร้อมของลีนุกซ์ต้องเตรียมอะไรบ้าง
การติดตั้งลีนุกซ์ สิ่งสำคัญคือรายละเอียดของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เตรียมพื้นที่สำหรับติดตั้ง เลือกประเภทของการติดตั้ง และวิธีการติดตั้ง ขั้นตอนการเตรียมความพร้อมมีดังนี้
1. ตรวจสอบข้อมูลฮาร์ดแวร์ของระบบ
2. เตรียมพื้นที่สำหรับลีนุกซ์

10. ลีนุกซ์แบบ Text Mode เป็นอย่างไร มีรุ่นใดบ้าง

บทที่1

พื้นฐานเกี่ยวกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายแลน คือ เครือข่ายที่มีการส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง และครอบคลุมพื้นที่ไม่เกินรัศมี 5 กิโลเมตร การจัดโครงสร้างการเชื่อมต่อแลน สามารถทำได้หลายแบบ เช่น การเชื่อมต่อแบบบัส (BUS Topology) , การเชื่อมต่อแบบวงแหวน (Ring Topology), การเชื่อมต่อแบบดาว (Star Topology) และการเชื่อมต่อแบบผสม (Mesh Topology) เป็นต้น

การเชื่อมต่อแบบบัส (BUS Topology)
เป็นการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายเข้าด้วยกัน โดยใช้สายนำสัญญาณเพียงเส้นเดียว คอมพิวเตอร์จะถูกนำมาต่อเชื่อมกับสายนำสัญญาณตามแนวความยาวของสาย สายนำสัญญาณที่นิยมนำมาใช้ในการเชื่อมต่อแบบบัสคือ สายแบบโคแอกเชียล


การเชื่อมต่อแบบวงแหวน (Ring Topology)
เป็นการนำปลายลายทั้งสองด้านของการเชื่อมต่อแบบบัสมาต่อเข้าหากัน เกิดเป็นรูปแบบลักษณะที่เป็นวงแหวน แต่การเชื่อมต่อแบบนี้จะไม่ค่อยเป็นที่นิยม เนื่องจากถ้าสายนำสัญญาณเกิดชำรุดเพียงจุดใดจุดหนึ่ง ก็จะทำให้คอมพิวเตอร์ทั้งหมดที่ต่ออยู่ไม่สามารถรับส่งข้อมูลกันได้

การเชื่อมต่อแบบดาว (Star Topology)
คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะมีการเชื่อมต่อเข้ามายังอุปกรณ์ซึ่งเรียกว่า ฮับ (Hub) โดยที่ฮับจะเป็นตัวกลางที่ช่วยส่งผ่านข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่าย ข้อดีของการต่อแบบนี้คือ เมื่อสายนำสัญญาณเกิดการชำรุดที่จุดใดจุดหนึ่งจะไม่ทำให้ส่วนอื่น ๆ ขัดข้องไปด้วย สายนำสัญญาณที่นิยมนำมาใช้ในการต่อแบบดาวคือสาย UTP การเชื่อมต่อแบบนี้เป็นรูปแบบการเชื่อมต่อที่นิยมที่สุดในปัจจุบัน


การเชื่อมต่อแบบผสม (Mesh Topology)
เป็นการเชื่อมต่อที่นำเอาวิธีต่างๆ มาผสมผสานกันเพื่อลดข้อจำกัดของกาดรเชื่อมต่อบางวิธี การเชื่อมต่อแบบนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมาใช้

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แบบทดสอบก่อนเรียน

ภาคเรียนที่ 2
วันพุทธที่ 20 ตุลาคม 2533
1. ข้อใดคือความหมายของระบบเครือข่าย
ตอบ ระบบที่มีการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ 2 ตัวขึ้นไปเพื่อสามารถรับส่งข้อมูลกันได้
2. องค์ประกอบพื้นฐานของระบบเครือข่าย ประกอบด้วย 3 ส่วน คืออะไรบ้าง
ตอบ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ พีเพิลแวร์
3. ข้อใดไม่ใช่ซอฟต์แวร์สำหรับระบบเครือข่าย
ตอบ Netware
4. สาย UTP (Unshielded Twisted-Pair) คืออะไร
ตอบ สายขนาดเล็ก มี 6 เส้น
5. ใช้สาย UTP (Unshielded Twisted-Pair)มักเรียกกันว่าอย่างไร
ตอบ สาย Category 5
6. Token-Ring
ตอบ ถูกทุกข้อ
7. ข้อใดคือความหมายของ Baseband
ตอบ การผสมสัญญาณที่จะส่งเข้ากับสัญญาณอนาล็อก
8. Broadband คืออะไร
ตอบ การผสมสัญญาณที่จะส่งเข้ากับสัญญาณอนาล็อก
9. ข้อใดมีความเร็วที่สุด
ตอบ Fiber Optic
10. FiberOptic ส่งสัญญาณลักษณะใด
ตอบ ถูกทั้ง ข. และ ค.
11. ข้อใดคือข้อดีของระบบเครือข่ายไร้สาย
ตอบ ถูกทุกข้อ
12. Wireless Adapter หมายถึงอะไร
ตอบ ถูกทั้ง ก. และ ข.
13. ข้อใดคือเครือข่ายไร้สายแบบ Client/Server
ตอบ ถูกทั้ง ก. และ ค.
14 “รีพีตเตอร์” ทำหน้าที่อย่างไร
ตอบ ข
15. อุปกรณ์ Switch ทำหน้าที่อย่างไร
ตอบ ค